ประภาส ชลศรานนท์. เท่าดวงอาทิตย์. พิมพ์ครั้งที่ 4.เวิร์คพอยท์สำนักพิมพ์. 2547
จำไม่ได้หรอกว่า ก่อนหน้านี้มีหนังสือ “คุยกับประภาส” ชื่ออะไรบ้างจำได้แต่ว่าเคยอ่าน กบเหลาดินสอ มะเฟืองรอฝาน ตัวหนังสือคุยกัน เชือกกล้วยมัดต้นกล้วย และเล่มนี้…
จับใจความได้คร่าวๆ ถึงเรื่องเล่าของคุณประภาส คือ เหมือนการ “จับเข่านั่งคุย” เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นปุ๊บ คุณประภาสจะไม่ตอบหรอกว่า ผมก็คิดอย่างนี้ ผมก็คิดย่างนั้น หรือ ผมว่ามันเป็นอย่างนี้ ผมว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่คุณประภาสจะเป็น “นักยกตัวอย่าง” ซึ่งจะเล่าเรื่อง เพื่อให้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้น และเพื่อให้มองในมุมอื่นที่ต่างออกไป ซึ่งที่จริงบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่โดยทั่วไปเราๆ ก้ไม่ค่อยนึกถึงกันนัก… ในเล่มนี้ ที่ชอบที่สุดเป็นตอนที่ … ตอนไหนจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่เนื้อหา ที่บอกว่า แม่แอบกินไอศกรีมในตู้เย็นที่ลูกสาวซุกซ่อนไว้ซอกลึกสุดของตู้เย็น แล้วแม่ก็ยังไปเอามากินจนได้ ลูกสาวกลับมาจากทำงานเห็นแม่กำลังกินไอศกรีมก็ดุใหญ่ ว่าอุตส่าห์ซ่อนแล้วยังหาเจออีก คนเป็นแม่ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ แอบไปร้องไห้เสียใจที่ลูกไม่รัก ไอติมแค่นี้ก็ต้องหวงด้วย ในขณะที่ตัวลูกสาวเองกลับคิดอีกอย่างหนึ่งคือ ที่ไม่อยากให้แม่กินเพราะกลัวว่าโรคเบาหวานแม่จะกำเริบ เธอเป็นห่วงไม่อยากให้แม่ป่วย ซึ่ง เป็นเรื่องของ มุมมองของคนที่ “ยืนอยู่คนละจุด”
อ้อ อีกตอนก็คือ “หมาหมอบ” ซึ่งคล้ายจะบอกว่า เมื่อเจอกับเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตแล้วที่เหลือก็จะเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่ก็เคยเชื่อตลอดมาว่า “เรื่องราวต่างๆในชีวิต มันยังไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุดหรอก เพราะเรายังผ่านมันมาได้ทุกครั้ง” ความหมายอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ก็อาจต่างกัน ^_^
อ่านหนังสือหนึ่งเล่ม เราได้มุมมองที่ต่างออกไป หนึ่งเรื่อง เหมือนเราคุยกับคนอื่นหนึ่งคน อ่าน “เมนูปรารถนา” ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังคุยกับ ฮิมิโตะ อ่าน เราจะนอนมองฟ้าด้วยกันอีกครั้ง ก็รู้สึกเหมือนนั่งคุยใต้ร่มไม้ แดดร่มลมตกริมทะเล กับคุณสุรักษ์ และเมื่ออ่านเท่าดวงอาทิตย์ ก็อดคิดไม่ได้ว่า เหมือนกำลังนั่งถกกับคุณประภาส ยังไง ยังงั้น….
เป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนค่ะ
พี่จิกเปรียบเสมือนไอดอลของเราตอนวัยรุ่น
ตามอ่านงานเขียนมาตลอด
เล่มล่าสุด…แมงกะพรุนถนัดซ้าย…
รออยู่ว่าจะมีเล่มใหม่มาเมื่อไหร่
ตอนนี้ก็ตามงานของนิ้วกลม นักเขียนคนโปรดคนล่าสุดไปก่อน
ถ้าเราเป็นวัยรุ่นอยู่ ก็อยากจะยกให้เป็นไอดอลของเราอีกคน
แต่ตอนนี้เราผ่านพ้นวัยนั้นมาแล้วน่ะซิ
บางครั้งคนเราเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดันเราเราจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้…หนังสือของพี่ประภาสทำให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์บางอย่างในชีวิตของเราที่เราเคยคิดว่าเราทำไม่ได้ให้ดีขึ้นได้…เหมือนกับบอกเราว่า..ถ้าเราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เราก็จะควบคุมผู้อื่นไม่ได้เหมือนกัน..