ประเด็นของเรื่องมาจากหนังสือชื่อ Men are From Mars, Woman are form Venus ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ (ประมาณนี้ล่ะมั้ง หนังสือเป็นภาษาอังกฤษ –อ่านไม่ออก) เพิ่งค้นเล่มนี้เจอก็ตอนที่เก็บข้าวของให้ “เข้าระเบียบ” ในที่ที่มันควรจะอยู่ –
ไม่ได้เปิดอ่านมันมากไปกว่าหน้าแรกที่เขียนเอาไว้ว่า
“เผื่อจะรู้จักตัวเองมากขึ้น” คนให้เป็นผู้ชาย เป็นวิศวกร ความสามารถที่ต้องยอมรับว่า “อัจฉริยะ” ในวิชาชีพของเขา เราเคยสนิทกันมาก แต่ตอนนี้เราไม่ได้สนิทกันแล้ว ชื่อเขาคือ “สมศักดิ์” ชื่อเล่นที่เราเรียกคือ “คุณจุ๋ม” หนังสือเล่มนี้ไม่ใหม่ เพราะเขาอ่านมันก่อนที่จะให้เรามา และเขาก็ขีดไฮไลท์ในระหว่างประโยคที่เขารู้สึก “พิเศษ” กับมัน
เราไม่ได้อ่านเล่มนี้อีก และเราก็จำไม่ได้ว่าเนื้อหาของเรื่องมันเป็นยังไง… แต่สิ่งที่เราจำได้คือ มิตรภาพระหว่างเรากับคุณสมศักดิ์ — ดูเหมือนเราจะรู้จักกันเพราะโปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรสักอย่างก็จำไม่ได้แล้ว คล้ายๆ MSN พ.ศ.นี้ แต่นั่นจะไม่ได้ทำให้เราสนิทกันได้ถ้าไม่บังเอิญเพราะว่าคนรักของคุณสมศักดิ์ทำงานที่เดียวกับเรา…
มันเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่โชคชะตา –
คุณสมศักดิ์มานั่งรอ “คนรัก” ที่ล็อบบี้ของอาคารทุกวัน ส่วนเราก็ไปนั่งกินกาแฟทุกวันและเมื่อวันหนึ่งที่ว่างเหลือแค่ตรงหน้าเรา คุณสมศักดิ์เดินมาขอนั่งด้วย เขาชวนคุย… เขาไม่รู้ว่าเราคือคนที่คุยกับเขาทางโปรแกรมนั้น เราก็ไม่รู้ว่าเขาคือคนเดียวกับที่เรารู้จัก… แต่เมื่อเจอกันสองสามครั้งก็แลกเบอร์กัน—นั่นเลยทำให้รู้ว่าเป็นคนเดียวกัน
โลกมันกลม ประเทศไทยมันแคบ—และเราก็ไม่ได้มาจากดาวคนละดวง แค่มาจากท้องพ่อท้องแม่คนละคน
ตอนนั้นเราเรียนที่ชลบุรี คุณสมศักดิ์เป็นคนสอนภาษาอังกฤษให้เรา ช่วยเราแปลงานให้เรา ขับรถจากกรุงเทพฯ พาเราไปส่งธีสิสที่มหาวิทยาลัยก่อนที่จะหมดเวลาอย่างหวุดหวิด (และหวิดตาย) ไปเที่ยวเกาะเสม็ดกันสองต่อสอง (กรี๊ดๆ) ยอม อดบุหรี่ตลอด 3 วัน คุณสมศักดิ์คอยแกะกุ้งให้เรากิน แบกเรากลับห้องพัก ซื้อดิกชันนารีให้ ซื้อตำราเรียนภาษาอังกฤษ Looks a head ให้ (เพราะรู้ว่าภาษาอังกฤษเราห่วย) และอีกมากมายที่คุณสมศักดิ์ทำเพื่อเรา เราน่าจะเป็นแฟนกับคุณสมศักดิ์ ถ้าไม่เพราะเหตุผลบางประการ (ถ้าอยากรู้ก็โปรดอ่าน ลุ้นสุดฤทธิ์พิชิตรัก เขาเป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่องด้วยล่ะ)
คุณสมศักดิ์ มีความเป็นตัวเองสูงปรี๊ด ไม่ใช่ว่าใครจะรู้จักเขาง่ายๆ นัก แต่เขามักจะชอบเรียนรู้และรู้จักคนอื่น การที่เขารู้จักใครสักคน เขาจึงมักถือไพ่เหนือกว่าในทุกเรื่องเสมอ และคุณสมศักดิ์เป็นนักสงสัยตัวเอ้ โดยเฉาะเรื่อง “คน” เขามักจะมีข้อสงสัยในการรู้จักคนอื่นเสมอ เช่น “การที่ใครสักคนเดินเข้ามาทักคุณ คุณคิดว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจนั้น” นั่นเป็นตัวอย่างประโยคประหลาด ที่คุณสมศักดิ์ชอบถาม เมื่อเราตอบ “หน้าตามั้ง” และเขาก็มักจะบอกหลังจากที่ได้คำตอบแล้วว่า “ที่ผมถาม เพราะคุณจะได้สำรวจตัวเองว่าในขณะนั้นคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ทางศาสนาพุทธเรียกว่าการมีสติสัมปชัญญะน่ะ” แต่คุณสมศักดิ์เป็นคริสเตียน
เราเคยบอกเขาว่าเรามาจากดาวอื่น เพราะตอนนั้นเพิ่งได้ชื่อนามปากกามาใหม่ว่า ดาริกามณี ดาวนั้นชื่อ “ดาวดวงแก้ว” (Arcturus) -0.04, Rich Golden Yellow มีอีกชื่อหนึ่งว่า ดาวยอดมหาจุฬามณี เป็นดาวฤกษ์ที่สังเกตได้ง่าย แดง มีความสว่างปรากฏอันดับ 4 ของท้องฟ้า มีความสว่างปรากฏเท่ากับ -0.04 อยู่ห่างจากโลกประมาณ 37 ปีแสง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 25 เท่าของดวงอาทิตย์ คำว่า “อาร์คทุรุส” หมายถึง “คนเลี้ยงหมี” (The Bear-keeper) โดยคนเลี้ยงสัตว์หรือคนเลี้ยงหมีนี้ จะเดินตามหลังกลุ่มดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) และกลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor) ไปรอบๆขั้วฟ้าเหนือตลอดเวลา…
เราโดนคุณสมศักดิ์ “อัด” เสียหงายหลังเรื่องมาจากดาวอื่น (ทั้งที่มันแค่การเปรียบเทียบ)
“การที่คิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น แล้วทึกทักเอาเองว่า ไม่เหมือนคนอื่น เพราะความไม่เหมือนคนอื่นเลยบอกตัวเอง (เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น) ว่า ฉันมาจากดาวโน้น ดาวนี้ ดาวห่-าเหวอะไรต่อมิอะไรนั่นน่ะ… รู้จักดาวดวงนั้นดีแค่ไหน แล้วไม่พอใจหรือไงที่เป็นลูกพ่อกับแม่ ความต่างของคน มาจากตรงไหน เรียนรู้เรื่องชีววิทยาก็น่าจะรู้… แล้วไอ้การแสดงเพาเวอร์เรนเจอร์ เพื่อแสดงว่าตัวเองต่างจากคนอื่นน่ะ—ใช้วิธีฉลาดกว่านี้ก็ได้… ในทางจิตวิทยา คนที่รู้สึกว่าตัวเองมาจากดาวอื่น มักจะเป็นคนที่ขาดความอบอุ่น หรือเป็นคนมีปัญหานะ”
เท่านั้นแหละ มันทำให้เรากลายเป็น คนธรรมดาขึ้นมาในทันที… เราไม่ได้คิดว่าคุณสมศักดิ์พูดถูก หรือผิด แต่เราคิดว่าทุกคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกันทุกอย่างอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่ว่าใครจะแปลกประหลาดขนาดไหน ทุกคนก็มาจากที่เดียวกัน นั่นคือ “สเปิร์มของพ่อและไข่ของแม่” ไม่ได้ปฏิสนธิโดยเอเลี่ยนจากดาวไหน—
การแสดงออกถึง “อะไรบางอย่าง” ของคนแต่ละคนเพื่อแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองมีหลายแบบ บางคนก็ชอบปาก้อนหินใส่กระจกรถชาวบ้าน บางคนก็จับเข้าเซฟเฮาท์ช็อตไข่ และบางคนก็พูดน้ำไหลไฟดับโดยไม่คำนึงว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ แถมยังชอบว่าคนโน้นคนนี้มือสะอาด มือสกปรก อีกด้วย แต่ละคนมีวิธีของตัวเองไปต่างๆ กัน อันที่จริงจะว่าไปแล้วเราเองก็ชอบแสดงออกถึงเพาเวอร์เรนเจอร์ของตัวเองอยู่เหมือนกัน เช่น ขี้คุย แม่-ง เราโคตรขี้คุยเลย แต่ก็อีกนั่นแหละ ไอ้ที่คุยนั่นน่ะมันทำได้จริงๆ นี่หว่า–
อ่ะ กลับมาที่คุณสมศักดิ์อีกที ตอนนี้เราไม่ได้เจอกันอีกแล้วและเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนของโลกนี้ แต่รับรองว่าเขายังไม่ย้ายไปอยู่ที่ดาวไหน เขาเคยเตือนเราเสมอว่า การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นไม่ง่าย ให้ดำรงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ อยากเก่งต้องเก่งให้ถูกทาง อยากอวดดีต้องแน่ใจว่ามีดีให้อวด อยากฉลาดก็ต้องคิดให้เก่ง คิดให้เป็น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ ไม่ใช่เอธิโอเปีย
(แล้วยังสะเหร่อบอกอีกนะว่า ทำไมพวกที่มาจากดาวอื่นถึงไม่ลองไปอยู่ที่นั่นดูบ้าง–วะ)
และเรื่องการมาจากดาวอื่น ก็จบลงที่
“ผมมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะมาจากดาวพุธ แต่เพราะผมมาจากพ่อกับแม่ แล้วถ้าคิดจะเปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นคนแบบไหน ลักษณะอย่างไร ทำไมถึงไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ไม่ต้องไปคิดไกลถึงต่างดาวหรอก แค่บอกว่าคุณเป็นคนแบบไหน แสดงออกไปอย่างที่คุณเป็นเท่านั้นก็พอแล้ว ที่เหลือ คนอื่นเขาคิดเองได้”
ขณะนั้นเราสองคนกำลังนอนแผ่พุงฟังเสียงคลื่นและชมดาวกันที่เกาะเสม็ด คุณสมศักดิ์เปิดหูเปิดตาเกี่ยวกับทัศนคติบางด้านให้เรา เขาไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดี แต่เรามองตัวเองในแง่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตและบอกเราบ่อยมากว่า
“ชีวิต -ไม่ใช่จะได้มากันง่ายๆ นี่ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ล่ะก็ไม่ได้มาหรอกนะชีวิตน่ะ ใช้มันให้มีคุณค่าคุ้มกับที่พ่อแม่ให้มา”
ผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้วสำหรับมิตรภาพระหว่างเรากับคุณสมศักดิ์ และที่ทำให้เรานึกถึงเขาขึ้นมาไม่ใช่เพราะหนังสือ Men are from Mars, Woman are from Venus แต่เพราะเขาให้หนังสือเล่มนี้มาพร้อมกับ Dictionary เล่มหนาและข้อความในกระดาษเขียนด้วยลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดว่า
“ผมรู้ว่าคุณจะต้องปฏิเสธหนังสือ Men are from Mars, Woman are from Venus และคุณก็จะบอกว่า ฉันไม่ได้มาจากดาวดวงไหน ดังนั้นผมจึงส่ง Dictionary มาให้ด้วย ให้คุณเรียนการแปลจากเล่มนี้ เผื่อคุณจะได้เข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น– ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วใช่มั้ย ดาริกามณี”
คุณสมศักดิ์จึงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีใครสักคนทุ่มเทหลายอย่างให้…
เราต่างก็ไม่ได้มาจากดาวดวงไหน – แค่มีนิสัยใจคอที่ต่างกันเท่านั้นเอง… / 11.02.2008.10.12
อืมม..อืมม
โนคอมเม้นนท์
😉
อ่านเพลินเลยอะ รอตอนต่อไปหนะคับ
เรื่องจริงหรือว่านิยายว่ะ เจ๊ดา
😀
เด็กคนหนึ่งบอกว่า เขาเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่
น่ารักซะ…
โดนๆ กับประโยคนี้ค่ะ
“การที่คิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น แล้วทึกทักเอาเองว่า ไม่เหมือนคนอื่น เพราะความไม่เหมือนคนอื่นเลยบอกตัวเอง (เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น) ว่า ฉันมาจากดาวโน้น ดาวนี้ ดาวห่-าเหวอะไรต่อมิอะไรนั่นน่ะ… รู้จักดาวดวงนั้นดีแค่ไหน แล้วไม่พอใจหรือไงที่เป็นลูกพ่อกับแม่ ความต่างของคน มาจากตรงไหน เรียนรู้เรื่องชีววิทยาก็น่าจะรู้… แล้วไอ้การแสดงเพาเวอร์เรนเจอร์ เพื่อแสดงว่าตัวเองต่างจากคนอื่นน่ะ—ใช้วิธีฉลาดกว่านี้ก็ได้… ในทางจิตวิทยา คนที่รู้สึกว่าตัวเองมาจากดาวอื่น มักจะเป็นคนที่ขาดความอบอุ่น หรือเป็นคนมีปัญหานะ”
แบบว่า มันโดนจริงๆ
สนุกดี ได้แง่คิดอะไรแปลกๆดี
ความรู้สึกแบบนี้ น่ารัก+น่าอิจฉาจังแฮะ 🙂
ดาวสมมติ
ตัวเราก็สมมติ
ในโลกนี้มีอะไรที่เป็นจริงบ้าง
มันคงไม่มีอะไร จริงเท่าความจริง อีกแล้ว
อยู่อย่างมีสติ
ใช้ชีวิตให้มีความสุข
พกความทุกข์ไว้น้อยๆ
และตายไปอย่างสงบ
เท่านี้มั้ง ที่จะได้ฝากไว้กับ ดาวโลก
^^
ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย
ผู้ยายเลี้ยวขวา
อยากอ่าน
พี่นาย มันคนละเรื่องกันแล้ว!
พี่เมกิ นี่เขียนให้บีมรึปล่าววววคะ เขียนในวันเกิดบีมซะด้วย
*o*
อันที่จริงการเป็นมนุดต่างดาวของบีม
มันไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้นนะ
มันแค่สนุกดีที่ได้ไปวิ่งบนดาวในจิตนาการของตัวเอง
พี่เมกิ
ให้บีม เป็น บีมบองก้าต่อไปเถอะ นะๆ
น้องบีมของพี่
คุณพี่ขอโทษ
ไม่ได้หมายถึงบีม
ไม่ได้หมายถึงบีมจริงๆ
เป็นบีมบองก้าอย่างเดิมแหละดีแล้ว
พี่เมกิคะิ ไม่ซีเรียสค่ะไม่ซีเรียส